25/11/63

6 สถานที่ท่องเที่ยวนครสวรรค์


อุทยานสวรรค์

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือนปอดของเมืองนครสวรรค์ และเป็นสวนสาธารณะที่ได้รับรางวัล สวนสาธารณะระดับดีมากจากกรมอนามัย ที่นี่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 314 ไร่ มีรั้วกั้นโดยรอบและมีถนนวงแหวนลาดยาง 2 ชั้น กว้าง 6 เมตร ยาว 3,200 เมตร ตรงกลางเป็นเกาะมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่เศษ 

จุดเด่นที่มองเห็นมาแต่ไกลคือ มังกรสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยมังกรขนาดเล็ก 4 ตัว หันหน้าไปคนละทิศ ที่ฐานวงกลมตกแต่งด้วยเมฆ มีศาลารอบ 4 หลัง และสะพานแบบสถาปัตยกรรมจีนสร้างขึ้นเพื่อ เป็นทางเดินเข้าไปยังมังกรสวรรค์เมื่อขึ้นไปยืนบนฐานมังกรเราจะได้เห็นบริเวณโดยรอบของอุทยานสวรรค์ 

 ส่วนด้านล่างสะพานเป็นสระบัวโค้ง ภายในเกาะยังมีเวทีน้ำพุ น้ำตกจำลองขนาดใหญ่ ห้องรับรอง และสวนดอกไม้ ด้านหน้าสวนสาธารณะมีห้องน้ำและห้องแต่งตัวบริการนักท่องเที่ยว ตลอดจนมีลานจอดรถขนาดใหญ่ให้บริการอีกด้วย เนื่องจากไม่อนุญาตให้นำรถเข้าไปภายในพื้นที่สวนฯ 

กิจกรรมน่าทำ 

- เดิน-วิ่ง ออกกำลังกาย สามารถเลือกตามระยะทางที่ต้องการได้ โดยรอบใหญ่ประมาณ 3.3 กม. รอบกลางประมาณ 2 กม. และรอบเล็ก 1 กม. เส้นทางการวิ่งทวนเข็มนาฬิกา 

- ปั่นจักรยานชมสวน โดยนำจักรยานมาเองหรือเช่าของอุทยานก็ได้ ที่นี่มีเลนสำหรับจักรยาน และต้องปั่นตามทิศทางตามเข็มนาฬิกา 

- เรียกเหงื่อไปกับเครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ ที่กระจายอยู่โดยรอบ 

- ปั่นจักรยานน้ำซึ่งมีบริการอยู่ที่ท่าเรือใกล้ รพ.ศรีสวรรค์ 

- สนุกกับหลากหลายกีฬา ทั้ง แอโรบิก-ตะกร้อ-เปตอง-วอลเล่ย์บอล-แบดมินตัน-รำไทเก็ก-ลีลาศ โดยมีลานกีฬาอยู่ใกล้ รพ.ศรีสวรรค์ 

- ให้อาหารปลา ซึ่งจะมีแม่ค้าขายขนมปังและอาหารปลาอยู่ตรงใกล้ รพ.ศรีสวรรค์ และหลังป้ายอุทยาน 

- ระบายสีตุ๊กตา กิจกรรมที่เจ้าตัวน้อยมาทำได้ใกล้ ๆ กับรพ.ศรีสวรรค์ 

เปิดทำการทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์ อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ โทร. +66 5622 1602, +66 5622 1034, +66 5622 1656 ต่อ 114 โทรสาร +665623 1841 ต่อ 111

 

ที่อยู่ : เมืองนครสวรรค์, นครสวรรค์

เครดิต : https://1th.me/r8MOk

 

อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จัดตั้งเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2550 ภายในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ ลักษณะอาคารเป็นรูปเรือกระแชงหรือเรือเอี้ยมจุ๊น ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าในแม่น้ำเจ้าพระยาในอดีต ตัวเรือสีส้มขนาดกว้าง 35.5 เมตร ยาว 49 เมตร จัดแสดงพันธุ์ปลาต่าง ๆ กว่า 100 ชนิด 

ภายในตัวอาคารชั้นที่ 1 ประกอบด้วยอุโมงค์ปลา ความยาว 105 เมตร แสดงปลาน้ำจืดหลากหลายพันธุ์ อาทิ ปลากระเบนราหูน้ำจืด ปลาบึก ปลาสะตือ แรดดำ สวายเผือกตาแดง ตะเพียนขาว ตะเพียนทอง ซิวอ้าว และปลาม้า นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์ชมปลาขนาดใหญ่ยาวถึง 24 เมตร และตู้แสดงพันธุ์ปลารอบ ๆ อุโมงค์กว่า 33 ตู้ ประกอบด้วยปลาหายากและปลาสวยงามนานาชนิด เช่น ปลาตามิน ปลาหมอช้างเหยียบ ปลาเสือพ่นน้ำ ปลากระโห้ไทย ปลาตะเพียนขาว ตะเพียนทองทรงเครื่อง และปลากาแดง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับฉลามกบและเม่นทะเลที่บ่อปลา Touch Pool อย่างใกล้ชิด 

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงตู้ปลาน้ำเค็มในส่วนห้องโถงด้านหน้าอุโมงค์ให้ผู้สนใจพันธุ์ปลาน้ำเค็มได้ตื่นตาตื่นใจก่อนเข้าอุโมงค์ปลา 

ส่วนชั้นที่ 2 เป็นห้องเกียรติคุณ จัดแสดงรายนามผู้ร่วมวางศิลาฤกษ์ห้องนิทรรศการ ประกอบด้วย อุปกรณ์การจับปลา พรรณไม้น้ำ และพันธุ์ปลาสวยงาม ชมวิวรอบเรือ มีกล้องส่องนกไว้บริการอีกด้วย 

การแสดงโชว์พิเศษ เช่น 

โชว์การดำน้ำให้อาหารปลา จัดแสดง วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 11.00 และ 15.00 น. 

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีห้องอาหาร ร้านขายของที่ระลึกไว้บริการ วันเวลาเปิดทำการ เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.00-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-18.00 น.

ค่าบริการเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท 

ติดต่อสอบถาม ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โทร 0-5627-4525 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.buengboraphet.com 

การเดินทาง ทางรถยนต์ ได้ 2 เส้นทาง เส้นทางแรกใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 225 ขับเข้าไปประมาณ 9 กิโลเมตร เลี้ยวขวาขับต่อไปประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางที่สอง ใช้ทางหลวงหมายเลข 3001 ประมาณ 20 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตามป้าย ขับต่ออีกประมาณ 4 กิโลเมตรก็จะพบป้ายทางเข้าบึงบอระเพ็ด

 

ที่อยู่ : เมืองนครสวรรค์, นครสวรรค์

เครดิต :  https://1th.me/zXBeq

 

หอชมเมืองนครสวรรค์

หากต้องการชมเมืองนครสวรรค์แบบวิวพาโนรามา 360 องศา ต้องแวะหอชมเมืองนครสวรรค์ ณ ยอดเขาวัดคีรีวงศ์ คุณจะได้สัมผัสทัศนียภาพของนครสวรรค์ที่น่าประทับใจแบบไม่รู้ลืม ที่นี่มีลักษณะเป็นหอสูง 32 เมตร เปิดให้บริการเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2551 เมื่อเข้าไปภายในจะพบชั้นต่าง ๆ ที่มี 10 ชั้นจัดเตรียมกิจกรรมต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยว ได้แก่ ชั้นที่ 1 เป็นพื้นที่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัด มีร้านค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 แบ่งเป็นสองส่วน โดยมีร้านอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวาน Internet Cafe สำหรับชั้นที่ 4-9 เป็นบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นที่ 10 ซึ่งเป็นบริเวณดาดฟ้า สำหรับชมวิวตัวเมืองนครสวรรค์และอำเภอใกล้เคียงแบบ 360 องศา และสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองนครสวรรค์ไปไกลกว่า 10 กิโลเมตร โดยทิศตะวันออกจะเห็นทิวทัศน์เขากบและบึงบอระเพ็ด ทางทิศใต้จะเห็นอุทยานสวรรค์ ต้นน้ำเจ้าพระยา สะพานเดชาติวงศ์ วัดเขาจอมคีรีนาคพรต ส่วนด้านทิศตะวันตกจะพบความสวยงามของทิวเขาเป็นฉากธรรมชาติที่งดงาม อีกทั้งยังมีการจัดเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อน กล้องส่องทางไกล และยังมีกิจกรรมกลางคืนที่ทางเทศบาลฯ ได้จัดขึ้น โดยมีการติดตั้งกล้องดูดาวสำหรับผู้สนใจเรื่องดาราศาสตร์ และเมื่อชมวิวกันเต็มอิ่มแล้ว ยังสามารถเดินทางไปวัดคีรีวงศ์ สักการะพระเจดีย์จุฬามณีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครสวรรค์อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอชมเมือง 

 เปิดทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.00 น-16.30 น. 

วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุกนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 10.00 น-20.00 น. 

ค่าเข้าชม เด็ก ราคา 10 บาท ผู้ใหญ่ ราคา 20 บาท

 

ที่อยู่ : เมืองนครสวรรค์, นครสวรรค์

เครดิต : https://1th.me/Oz25G

 

ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม

ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์- เจ้าแม่ทับทิม หรือศาลเจ้าพ่อแควใหญ่ ตัวศาลเจ้านั้นตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามตลาดปากน้ำโพ ย้อนรอยเรื่องราว ไม่มีประวัติความเป็นมาแน่ชัดถึงการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ รวมทั้งไม่ปรากฏชื่อว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากหลักฐานระฆังโบราณ ได้พบจารึกเป็นภาษาจีนว่า นายหงเปียว แซ่พู่ แห่งหมู่บ้านเคอเจี้ยซัน อำเภอวุ้นอี้ (ปัจจุบัน คือ วุ้นซ้ง) มลฑลไหหลำ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมามามอบระฆังใบนี้ ในปี ค.ศ.1870 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2413 อันเป็นต้นรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 นั่นก็เท่ากับว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุมากกว่า 130 ปีแล้ว ทั้งนี้ จากคำบอกเล่าและภาพถ่ายพี่พอรวบรวมได้นั้น เชื่อว่าแต่เดิมเป็นศาลไม้ใต้ถุนสูงตั้งอยู่ริมตลิ่งบริเวณต้นน้ำเจ้าพระยาซึ่งในอดีตเป็นแหลมยื่นออกไป จากนั้นตลิ่งได้ถูกกัดเซาะพังทลายทีละน้อย อีกทั้งสภาพศาลเจ้ายังทรุดโทรม ชาวบ้านและผู้มีจิตศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งจากป้ายภาษาจีนกลางศาลเขียนไว้ว่า โควกงเมี้ยว ซึ่ง บอกว่า ได้มีการสร้างศาลใหม่ โดยระบุปี ค.ศ. 1999 ตรงกับปี พ.ศ. 2452 และการสร้างศาลขึ้นใหม่ครั้งนั้นได้รวมเอาศาลเจ้าพ่อกวนอู ที่ตั้งอยู่ตอนใต้บริเวณใกล้เคียงมารวมไว้ด้วย ต่อมาคณะกรรมการของศาลเจ้าแห่งนี้ได้บูรณะเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน น่าชมภายใน ศาลเจ้าแห่งนี้นั้น ยังคงโครงสร้างเป็นปูน ตอนกลางเป็นอาคารไม้ดั้งเดิม ภายในนอกจากแท่นบูชาเทพยาฟ้าดินแล้ว ยังมีที่ประดิษฐานองค์เทพเจ้าบ๊นเถ่ากง ด้านขวาเป็นเทพเจ้ากวนอู ด้านซ้ายประดิษฐานเจ้าแม่ทับทิม ที่มีผู้คนเดินทางมากราบไหว้ขอพรบารมีจากเจ้าแม่ให้คุ้มครอง และขอให้มีโชคลาภตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในเทศกาลตรุษจีนจะมีการอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่รอบตลาดปากน้ำโพ เพื่อให้ประชาชนสักการะบูชาซึ่งมีการจัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ทุก ๆ ปี นอกจากนี้ยังมีการจัดพิธีลุยไฟ การแสดงปาฏิหาริย์จากเทพเจ้าในร่างม้าทรงให้นักท่องเที่ยวชมกันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจอีกด้วย เปิดให้บริการเวลา 05.00-19.00 น.

 

ที่อยู่ : เมืองนครสวรรค์, นครสวรรค์

เครดิต : https://1th.me/PgbhK

 

พุทธศาสนสถานหลวงพ่อดำ

 ชื่นชมความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อดำที่ชาวบ้านให้ความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพุทธศาสนสถานแห่งนี้ แม้ไม่ปรากฏว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ทว่ากรมศิลปากรได้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัย และมีอายุประมาณ 700 ปีเลยทีเดียว และด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อดำที่ชาวบ้านเชื่อกันว่า หากใครมากราบไหว้ขออะไรก็จะได้สิ่งนั้น สมความปรารถนา ทุกวันจึงมีชาวบ้านพากันมารำวงแก้บนในอุโบสถรอบพระพุทธรูปหลวงพ่อดำอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ และเคยมีการรำแก้บนกันมากถึง 199 รอบเลยทีเดียว 

โดยภายในบริเวณพุทธศาสนสถานยังมีโรงละครรับจ้างรำถวายแก้บนอีกด้วย สำหรับประวัติหลวงพ่อดำนั้น ไม่มีการระบุที่มาแน่ชัด แต่เมื่อครั้งที่มีการค้นพบ ชาวบ้านได้เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ดำทะมึนกลางป่ารกชัฎอยู่สามองค์ ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่เพียงองค์เดียว และพากันเรียกขานตามกันสืบมาว่าหลวงพ่อดำ วัดสระทะเล ทั้งนี้ไม่มีใครทราบความเป็นมาของวัดสระทะเลที่กลายมาเป็นวัดร้าง ครั้นปี พ.ศ. 2498 กำนันพูน แก้วคง ได้ชักชวนชาวบ้านนำสังกะสีมามุงคลุมองค์พระเอาไว้ แต่ก็เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา ต่อมาชาวบ้านและผู้มีศรัทธาได้ร่วมกันสร้างอาคารครอบองค์พระ และช่วยกันต่อเติมโดยรอบองค์พระเพื่อเป็น อาคารอเนกประสงค์ใช้ในกิจกรรมทางพุทธศาสนาทั่วไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว ฝ่ายปกครองอำเภอไพศาลี โทร. +66 56259272  

 

ที่อยู่ : ไพศาลี, นครสวรรค์

เครดิต :  https://1th.me/ooBnK

 

เขาหน่อ-เขาแก้ว

ภูเขาหินปูนรูปทรงแปลกตาที่มองเห็นมาแต่ไกลทุกครั้งเวลาสัญจรผ่านไปมาบนถนนพหลโยธินช่วงรอยต่อระหว่างจังหวัดนครสวรรค์กับกำแพงเพชร ที่เรียกกันว่าเขาหน่อ-เขาแก้วแห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง ของนครสวรรค์ 

เริ่มจากเขาหน่อ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาส โดยเสด็จภาคเหนือทางชลมารคผ่านแม่น้ำปิง เมื่อปี พ.ศ. 2449 และต่อมาในปี พ.ศ. 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน เขาหน่อแห่งนี้แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ 

- เขานางพันธุรัตซึ่งเป็นเขาลูกเล็กที่คุณสามารถเดินขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาผ่านบันได 60 ขั้น ซึ่งบริเวณลานชมวิวจากเขานางพันธุรัตแห่งนี้ จะพบถ้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ด้านหน้าประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ และมีพระพุทธรูปองค์เล็กอีก 4 องค์วางอยู่เคียงกัน ชาวบ้านเชื่อกันว่าถ้ำแห่งนี้คือถ้ำพญานาค หากต้องการเดินเข้าไปชมนักท่องเที่ยวต้องนำไฟฉายติดตัวไปด้วย ภายในถ้ำค่อนช้างชื้นและเป็นทางตัน ไม่สามารถเดินทะลุออกไปได้ ต้องเดินกลับมาทางเดิม 

- เขาพระพุทธบาทหรือเขาลูกใหญ่ ที่บริเวณหน้าเขาจะมีโรงเรียนร้างเป็นจุดสังเกต ที่นี่อยู่ห่างจากเขานางพันธุรัตราว ๆ 300 เมตร ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทและเจดีย์เก่าแก่อายุประมาณ 400 ปีซึ่งคาดว่าสร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนปลาย และมีระฆังที่นำไปแขวนใหม่ประมาณ 20 ใบ การเดินขึ้นสู่ยอดเขาเพื่อไปนมัสการรอยพระพุทธบาทจำลองต้องเดินไปตามบันได 700 ขั้น และต้องปีนบันไดลิงอีก 5 ช่วง และด้วยเส้นทางอันท้าทายเช่นนี้เอง ที่นี่เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้พิชิตยอดเขาหน่อเป็นคนแรก 

สำหรับเขาแก้วที่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับเขาหน่อที่ปัจจุบันมีถนนคั่นกลางอย่างชัดเจนนั้น มีถ้ำหลายถ้ำอันเป็นที่อยู่ของฝูงค้างคาว โดยเฉพาะในเวลาพลบค่ำ ฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากิน จากปากถ้ำนับล้านตัว สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก ปัจจุบันอบต.บ้านแดน ได้พัฒนาให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยสร้างศาลาสำหรับชมค้างคาวไว้บริการนักท่องเที่ยว ยิ่งในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ด้วยแล้ว ที่นี่จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมาเฝ้ารอชมโชว์สุดพิเศษจากฝูงค้างคาว พลางนั่งรับประทานอาหารค่ำจากร้านอาหารชาวบ้านที่มีบริการในละแวกนั้น 

เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ โทร. +66 5622 1602, +66 5622 1034, +66 5622 1656 ต่อ 114 โทรสาร+66 5623 1841, +66 5622 162 ต่อ 111

 

ที่อยู่ : บรรพตพิสัย, นครสวรรค์

เครดิต : https://1th.me/VgUSO

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แสดงความคิดเห็น

Whatsapp Button works on Mobile Device only