บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
ที่นี่คือบึงน้ำธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุพรรณบุรี
ความกว้างใหญ่ของบึงแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่
เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามอนุสัญญาแรมซาร์ คือประกอบด้วยพื้นที่ลุ่ม
พื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ลุ่มชื้นแฉะ พื้นที่ฉ่ำน้ำ มีน้ำท่วม น้ำขัง
พื้นที่พรุ พื้นที่แหล่งน้ำ ทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้าง
ทั้งที่มีน้ำขังหรือน้ำท่วมถาวรและชั่วคราว ทั้งแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหล
แหล่งน้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม
รวมไปถึงพื้นที่ชายฝั่งทะเลและทะเลในบริเวณซึ่งเมื่อน้ำลดต่ำสุด
น้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร โดยบึงฉวากเข้าข่ายลักษณะดังกล่าวทุกประการ
เพียงแต่เป็นบึงน้ำจืดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
และเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1-3
เมตร
ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของหน่วยราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เช่น กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตรและอุตสาหกรรม
เป็นต้นแม้ว่าก่อนหน้านี้
บึงฉวากจะเป็นเพียงบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสุพรรณบุรี
จนเมื่อปี พ.ศ. 2538 ฯ พณฯ บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ
ได้พัฒนาบึงฉวากเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ 50
ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเป็นที่มาของชื่อ บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
และมีการสร้างสวนสัตว์ อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำอุทยานผักพื้นบ้าน
อีกทั้งมีบริการนวดแผนไทย และเรือเร็วบริการ
เพื่อพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายของจังหวัดสุพรรณบุรีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
บรรยากาศริมบึงฉวากมีลมพัดเย็นสบายตลอดปี
บริเวณบึงเต็มไปด้วยดอกบัวสีแดงและชมพู ในช่วงเช้าบัวจะเบ่งบานสวยงาม
มองเห็นนกเป็ดแดงฝูงใหญ่จับกลุ่มอยู่ตามกอบัวในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม
และนกจะทยอยกลับในช่วงเดือนเมษายน
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมทัศนียภาพเหล่านี้ได้ในบริเวณศาลาริมบึง
หรือปั่นจักรยานน้ำ ตลอดจนขออนุญาตกางเต็นท์พักแรมริมบึงก็ยังได้
กิจกรรมที่น่าสนใจ
-
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติเป็นหน่วยงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี
ภายในแบ่งเป็น 3 อาคาร ได้แก่ อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 1
จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดและสัตว์น้ำเค็ม ทั้งพันธุ์ปลาไทย
และพันธุ์ปลาต่างประเทศกว่า 50 ชนิด อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 2
ประกอบด้วยตู้ปลาขนาดใหญ่สวยงามบรรจุน้ำได้กว่า 400 ลูกบาศก์เมตร
และมีอุโมงค์ความยาวประมาณ 8.5 เมตร ถือว่าเป็นอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของประเทศไทย
ชมสาธิตการให้อาหารปลา
สำหรับการแสดงตู้ปลาใหญ่มีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ทั้งหมด 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 10.30-16.00 น.
อาคารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลังที่ 3 (สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล)
จัดแสดงพันธุ์ปลาทะเลหายาก มีอุโมงค์ปลาและบันไดเลื่อนยาว 75 เมตร
เพื่อให้ได้ศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิด
- เวทีริมบึง
ชมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของนักเรียน นักศึกษาในจังหวัดสุพรรณบุรี
นำการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่หาดูได้ยากมาให้ชมในช่วงวันหยุดเทศกาล
-
บ่อจระเข้น้ำจืด
เป็นบ่อจระเข้ที่ถูกจำลองให้มีสภาพใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด
มีจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยขนาด 1.5-4.0 เมตร ประมาณ 60 ตัว
มีการแสดงจระเข้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทั้งหมด 4 รอบ
คือ 11.00 น., 12.30 น., 14.00 น. และ 15.30 น.
-
ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก ประกอบไปด้วย
อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ การดูนก
พร้อมตู้จำลองระบบนิเวศ ห้องฉายสไลด์วิดิทัศน์
ด้านนอกอาคารมีกรงเลี้ยงนกขนาดใหญ่ ประกอบด้วยนกกว่า 45 ชนิด เช่น นกกาบบัว
นกเป็ดแดง ไก่ฟ้าพญาลอ และไก่ฟ้าสีทอง
ซึ่งว่ากันว่าเป็นไก่ฟ้าที่สวยงามที่สุดในโลก
ถัดไปเป็นกรงเสือขนาดใหญ่-เล็ก มีเสือชนิดต่าง ๆ ให้ชมและที่พิเศษคือ
มีลูกเสือดูดนมหมู และสัตว์สวยงามอีกหลายชนิด
(สอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดทุกวัน
จันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ 08.00-18.00 น. โทร. +66 3543
9206, +66 3543 9210)
- กรงเสือและสิงโต เป็นกรงเลี้ยงสัตว์ป่าตระกูลแมว
อันได้แก่ สิงโต เสือโคร่ง เสือลายเมฆ เสือดาว แมวดาว เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีกรงสัตว์ป่าหายากอีกหลายประเภทที่จัดแสดงไว้ให้ชม เช่น
นกน้ำ นกยูงและไก่ฟ้าชนิดต่าง ๆ ม้าลาย อูฐ และนกกระจอกเทศ เป็นต้น
(ติดต่อสำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก โทร. +66 3548 1250)
-
เกาะกระต่าย พื้นที่คล้ายเกาะ สร้างเป็นที่พักของกระต่าย 2 สายพันธุ์ คือ
สายพันธุ์เจอร์ซี่ วูลลี่ และสายพันธุ์แองโกร่า รวมทั้งมีกวางดาว เน้อทราย
และด้วยพื้นที่ที่เป็นเกาะมีพื้นที่น้ำล้อมรอบ
จึงเลี้ยงปลาไว้ในกระชังอีกจำนวนมาก
เพื่อให้ผู้คนเพลิดเพลินไปกับการให้อาหารปลา เช่น ปลาทอง ปลาคาร์ฟ
ปลาสวายเผือก ฯลฯ
- ศูนย์จำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์
รวบรวมสินค้าทั้งของกินและของใช้จากจังหวัดสุพรรณบุรีมาไว้ที่นี่
นอกจากจะแสดงสินค้าภายในจังหวัดแล้ว
ยังรวบรวมสินค้าจากจังหวัดใกล้เคียงมาไว้ในอาคารนี้อีกด้วย
- โรงสีชุมชน
สถานที่รับรองผลผลิตของเกษตรกรชาวนาที่ปลูกข้าวปลอดสารพิษ
นำผลผลิตที่ได้มาส่งให้โรงสีขนาด 5 กก. ต่อชั่วโมง
เพื่อแปรรูปเป็นข้าวสารปลอดสารพิษบึงฉวาก
ออกจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้เสริมของเกษตรกร และอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภค
- อุทยานผักพื้นบ้านเพื่อการยังชีพ เฉลิมพระเกียรติบึงฉวาก
อยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมการเกษตร
จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนทั่วไปเห็นคุณค่าและอนุรักษ์ผักพื้นบ้าน
โดยรวบรวมผักพื้นบ้านจากทั่วภูมิภาคของประเทศไทยกว่า 500 ชนิด
มาปลูกไว้ในบริเวณเกาะกลางบึงฉวาก มีทั้งสมุนไพร ไม้ยืนต้น ไม้เลื้อย
ไม้ล้มลุกและไม้ชื้นแฉะที่น่าสนใจ เช่น น้ำเต้าสี่เหลี่ยม บวบหอมขนาดใหญ่
อุโมงค์น้ำพุ และการจัดสวนไม้ประดับด้วยผักพื้นบ้าน
นอกจากนี้ยังมีโรงปลูกพืชระบบระเหยน้ำและสาธิตการปลูกพืชไร้
มีห้องนิทรรศการแสดงผลผลิตทางการเกษตร
ศูนย์บริการท่องเที่ยวเกษตรอุทยานผักพื้นบ้านฯ
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. +668 1948 9214, +668 9836 1358 โทร. +66
3543 0011 หรือ สำนักงานเกษตร อำเภอเดิมบางนางบวช โทร. +66 3554 5450, 0
3555 5455บ่อจระเข้น้ำจืด
เป็นบ่อจระเข้ที่ได้จำลองให้มีสภาพใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด
พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ มีจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยขนาด 1.5-4.0 เมตร ประมาณ 60
ตัว
ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นความเป็นอยู่แบบธรรมชาติชของจระเข้และสามารถเข้าชมอย่างใกล้ชิด
มีการแสดงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รอบ 11.00 น. 12.30 น.
14.00 น. และ 15.30 น. รู้ก่อนเที่ยว -
บึงฉวากเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 -
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ เช่น ทางลาด,
ป้ายสัญลักษณ์, ห้องน้ำ, บริการรถเข็นสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุฟรี -
ภายในมีรีสอร์ท 'บึงฉวากรีสอร์ท'
สำหรับการพักผ่อนที่มาเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา
9.00-17.00 น. อัตราค่าบริการคนไทย ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท/
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาทสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. +66
3543 0043-4, +663543 0109, +66 3543 0111
วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม (วัดเขาพระ)
วัดเขาพระศรีสรรเพชญารามหรือวัดเขาพระในอดีต
เป็นวัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยทวารวดีเพราะพบโบราณวัตถุหลายชิ้น
เช่น พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ซึ่งสลักจากเนื้อหิน
ภายในวัดมีสิ่งน่าสนใจมากมาย เช่น "เทวรูปจักรนารายณ์เนื้อหิน"
เป็นเทวรูปที่สลักอยู่บนเนื้อหิน ลักษณะเป็นแผ่นหินสลักนูนสูง
เป็นรูปทิพยบุคคลมี 4 กร พระหัตถ์ซ้ายขวาทั้งบนและล่าง ล้วนถือสิ่งต่าง ๆ
อยู่ เช่น จักร คทา เป็นต้น ส่วน "ซากเจดีย์อยุธยา"
ตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวด้านละ 8 เมตร
ส่วนบนเป็นองค์ระฆังสมัยทวารวดี เจดีย์นี้คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา
โดยสร้างซ้อนทับบนโบราณสถานสมัยทวารวดี ถัดไปคือ "รอยพระพุทธบาทจำลอง"
ซึ่งแกะสลักมาจากหินทรายสีเขียว ตั้งอยู่บนยอดเขา สลักลวดลายมงคล 108
ประการ ในกรอบวงกลม คาดว่าเป็นศิลปะสมัยทวารวดีตอนปลายที่
ได้รับอิทธิพลศิลปะขอม อายุน่าจะอยู่ในช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 16- 17
ความร่มรื่นและความงดงามของวัดแห่งนี้
จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่คุณไม่ควรพลาด เมื่อได้แวะมาจังหวัดสุพรรณบุรี
รู้ก่อนเที่ยว วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม จะมีงานนมัสการพระพุทธไสยาสน์ปีละ 2
ครั้ง คือ วันขึ้น 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 12 กับวันขึ้น 14-15 ค่ำ
และแรม 1 ค่ำ เดือน 5 หากได้มาเยือนในช่วงเวลาดังกล่าว
คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่คึกคักไปอีกแบบ
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่
08.00-17.00 น. สอบบถามเพิ่มเติมได้ที่ +668 4734 2515, +668 1759 0756,
+668 4727 2505
ที่อยู่ : อู่ทอง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/xvfVT
วัดประตูสาร
แม้จะไม่มีหลักฐานระบุชัดว่า
วัดประตูสาร สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อใด
หากแต่สันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2345
เนื่องจากเป็นปีที่สุนทรภู่มาเยือนจังหวัดสุพรรณบุรี
และได้เขียนโคลงนิราศสุพรรณบุรีขึ้น โดยภายในโคลง
มีการกล่าวถึงวัดแห่งนี้ไว้ ในอดีตกาล
ศาลาวัดแห่งนี้เคยใช้เป็นศาลตัดสินคดีความ พอตัดสินเสร็จ
ศาลก็ยกเลิกไปแล้วกลับมาเป็นศาลาวัดตามเดิม แต่อย่างไรก็ดี
ปัจจุบันไม่มีศาลาดังกล่าวให้เห็นอีกต่อไป
เหลือเพียงวิหารกับโบสถ์ที่สร้างอยู่เคียงกัน
โดยหันหน้าไปทางตะวันออกสู่แม่น้ำท่าจีน มีกำแพงล้อมรอบ
กำแพงด้านทิศเหนือทำหน้าที่เป็นกำแพงวัด ส่วนอีก 3
ด้านที่เหลือมีประตูเข้า-ออกตกแต่งด้วยรูปปั้นและลายเขียนสีงดงาม
ด้านหน้ามีมณฑปหลวงพ่อก๋ำ (พระครูวิธุรสีตาคม) จุดเด่นที่น่าสนใจของวัด คือ
จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและภาพวิถีชีวิตของสามัญชน
ผนังระดับเหนือประตูและหน้าต่างด้านซ้ายและขวาเขียนภาพอดีตของพระพุทธเจ้า
โดยแบ่งเนื้อที่ไปตามยาวของผนังเป็น 3 แถว
ส่วนบนสุดเขียนภาพอดีตพุทธเจ้าเรียงเป็นแถว 20 องค์ ส่วนกลาง 19 องค์
และส่วนล่าง 20 องค์ รวมเป็นภาพอดีตพระพุทธเจ้าผนังด้านละ 59 องค์
ส่วนผนังหุ้มกลองหลังพระประธานส่วนบน เขียนภาพพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
อยู่ในท่าประทับยืนปางประทานพร
และด้านล่างเป็นภาพพระพุทธองค์เสด็จลงจากดาวดึงส์
ภาพจิตรกรรมอันงดงามนี้คาดว่าน่าจะวาดโดยนายคำ
คนเดียวกับที่เขียนภาพที่วัดหน่อพุทธางกูร โดยเขียนขึ้นในช่วงประมาณ พ.ศ.
2391
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. +66 3554 3598
วัดพระนอน
อันซีนไทยแลนด์แห่งหนึ่งของเมืองไทยที่ควรค่าแก่การแวะเวียนมาเยี่ยมชมสักครั้งในชีวิต
โดยวัดพระนอนแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่สมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ
และปลูกสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในวัดมีสิ่งน่าสนใจมากมาย เช่น
ศาลาการเปรียญที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัด ส่วนด้านในจะพบกับ "อุทยานมัจฉา"
ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพฯ ตั้งอยู่บริเวณริมน้ำหน้าวัด
มีปลานานาชนิดชุกชุม ทั้งปลาสวาย ปลาตะเพียน ปลาแรด
โดยทางวัดประกาศเป็นเขตอภัยทาน ใกล้ ๆ กับอุทยานมัจฉาเป็น
"ศาลเจ้าแม่กวนอิม" ซึ่งผู้สนใจสามารถแวะเข้าไปสักการะเจ้าแม่ได้ที่นี่
ถัดมาคือ"วิหารพระนอน" เป็นวิหารทรงจตุรมุข
โดยมุขด้านหน้ามีหลังคาต่อเติมออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาไหว้พระ
ภายในมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์สลักจากหิน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดพระนอน
จุดเด่นของพระพุทธรูปองค์นี้
แปลกว่าที่อื่นตรงที่เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในลักษณะนอนหงายขนาดเท่าคนโบราณยาวประมาณ
2 เมตร คล้ายกับพระนอนที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย
สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้แล้ว บริเวณโดยรอบวัด
ยังมีการปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ผลและไม้ประดับ ทำให้วัดดูร่มรื่นสวยงาม
และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่เชิดหน้าชูตาแห่งหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรีเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่
08.00-17.00 น.สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3554 3554
ที่อยู่ : ถนนสมภารคง เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/rz8QH
วัดขวางเวฬุวัน
หนึ่งในสถานที่เยี่ยมชมพุทธวัตถุที่สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี
คือ วัดขวางเวฬุวัน
ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณในสมัยทวารวดี หรือเมืองนเรศ
(ภาษาท้องถิ่น) อายุประมาณ 400 ปี เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
ภายในบริเวณวัดยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์โบราณ
ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากโบสถ์ทั่วไป มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
ปัจจุบันเป็นโบราณวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งที่ควรค่าแก่การแวะมาเยี่ยมชม
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66
3552 5867, +66 3552 5880
ที่อยู่ : เดิมบางนางบวช, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/g2MZD
แสดงความคิดเห็น